วันที่ 25 มิ.ย. 2023 เวลา 01:39 น. Posted by Admin

บริจาคลดหย่อนภาษี 2566


ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทไหน เมื่อมีรายได้ย่อมต้องเสียภาษี ซึ่งในระหว่างปีภาษีนั้นๆ เจ้าของกิจการที่จดบริษัทเป็น “นิติบุคคล” สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักเป็นรายจ่าย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในการเสียภาษีได้

และรายจ่ายที่กิจการมักจะมองข้ามคือ “การบริจาค” ซึ่งในกรณีที่มีการบริจาคเงิน หรือทรัพย์สินในนามนิติบุคคลจะถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ โดยเฉพาะการบริจาคบางประเภท สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้สูงสุดถึง 2 เท่า แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดดังนี้

  • หลักการบริจาคพื้นฐานเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษี

สำหรับกิจการที่มีการบริจาคเงินและทรัพย์สินให้กับหน่วยงานต่างๆ สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาระทางภาษีได้ต่างกัน ซึ่งแบ่งเป็น “กรณีทั่วไป” และ “กรณีพิเศษ” ดังนี้

  1. กรณีทั่วไป

1.1 หักได้ 1 เท่า แต่ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ

    • บริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ ประกอบด้วย

1) วัด สภากาชาดไทย

2) สถานพยาบาล สถานศึกษาของราชการ

3) องค์การหรือสถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษาอื่นที่ รมว. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

    • บริจาคเพื่อการสาธารณประโยชน์
    • บริจาคให้กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
    • บริจาคให้

1) กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

2) กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม

3) กองทุนคุ้มครองเด็ก

    • บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยผ่านบริษัทหรือนิติบุคคลอื่น
    • บริจาคให้กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม

1.2 หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ

    • บริจาคการศึกษา และการกีฬา
    • บริจาคให้กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ

2. กรณีพิเศษ

2.1 หักได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิ

– บริจาคให้สถานศึกษา ตามโครงการของกระทรวงศึกษาธิการ

– ค่าใช้จ่ายสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สนามกีฬาเอกชน

– บริจาคให้กองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา

– รายจ่ายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดตั้งหรือสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

– บริจาคให้

1) โครงการฝึกอบรมอาชีพ และกิจกรรมเกี่ยวกับการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู และสงเคราะห์เด็ก ของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

2) ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม

 2.2 หักได้ 1 เท่า

ค่าใช้จ่ายที่จัดให้คนพิการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ ตลอดจนสวัสดิการและความช่วยเหลืออื่น                  จากรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

  • บริจาคให้สถานพยาบาลของทางราชการ

บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินและทรัพย์สินให้กับสถานพยาบาลของทางราชการ สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาคไป ทั้งที่จ่ายเป็นเงินสดและทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ

และต้องเป็นรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้าง และการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ใช้ทั่วไป ไม่มีการเก็บค่าบริการ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อ สาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร

โดยให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้กับกิจการสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่สถานพยาบาลของทางราชการ สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป

 

  • บริจาคเงินให้มูลนิธิผ่าน e-Donation หักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า

ในส่วนของการบริจาคให้กับมูลนิธิ กิจการสามารถหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค หากทำการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรให้แก่มูลนิธิ 3 แห่ง ดังนี้

  1. มูลนิธิชัยพัฒนา
  2. มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
  3. มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

และยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมากจากการบริจาคให้แก่มูลนิธิดังกล่าว ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

โดยการบริจาคผ่านระบบ e-Donation จะสามารถหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า โดยไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาคไว้ เพราะเป็นระบบบริจาคเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่กรมสรรพกากรใช้รองรับข้อมูลการรับบริจาคของหน่วยงานต่างๆ เพื่อความสะดวก

  • บริจาคเพื่อส่งเสริมการศึกษา หักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า

กิจการที่บริจาคเงินและทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า ของรายจ่ายที่จ่ายไป แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และเพื่อการศึกษาหรือการกีฬา

โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้

  1. นิติบุคคลบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล โรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนและสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

1.1 บริจาคในโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ ได้แก่

    • สถานศึกษาตามโครงการพระราชดำริ
    • สถานศึกษาตามนโยบายที่จะระดมพลังเพื่อเร่งรัดปรับปรุงคุณภาพ
    • สถานศึกษาที่รองรับพัฒนาเด็กด้อยโอกาส เด็กพิการ

1.2 บริจาคให้แก่สถานศึกษาตามรายชื่อที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศกำหนด

1.3 บริจาคเพื่อการจัดหา หรือจัดสร้างอาคาร อาคารพร้อมที่ดินหรือที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในทางศึกษา

1.4 บริจาคเพื่อการจัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อการศึกษา แบบเรียน ตำรา หนังสือทางวิชาการ สื่อ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา (กรณีบริจาคเป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์จะต้องเป็นของใหม่ ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน)

1.5 ต้องมีหลักฐานจากสถานศึกษาที่พิสูจน์ได้ว่าค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปนั้น เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ (มีใบเสร็จของสถานศึกษา)

หมายเหตุ (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเมื่อใช้สิทธิตามมาตรานี้แล้ว จะต้องไม่นำเงินบริจาคดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายเพื่อการศึกษาอีก

หมายเหตุ (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้สิทธิตามมาตรการนี้ จะต้องไม่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนนั้น

      2. กรณีนิติบุคคลบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนด้านสันทนาการในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สนามกีฬาของทางราชการหรือของเอกชนที่เปิดให้ริการเป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ

รายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อสนับสนุนด้านสันทนาการนี้ เมื่อไปรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว จะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของ กำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา โดยหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่จ่ายไป

สรุป

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าหลายช่องทางการบริจาค กิจการสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้มากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แต่อย่างน้อยที่สุดการบริจาคทุกๆ ครั้ง ถือเป็นการทำบุญช่วยให้จิตใจเบิกบาน มีแรงใจในการบริหารจัดการธุรกิจของตนเองได้อย่างเต็มที่ แถมได้โบนัสเป็นเงินเหลือจากการเสียภาษีน้อยลงอีกด้วย